แต่การที่ลูกจะมีพลานามัยดี และแข็งแกร่งนั้นก็ไม่ใช่จะมีขึ้นกับเด็กทั้งหมด ประหนึ่งกับน้องแอมป์ลูกผู้หญิงคนเล็กของคุณยุพาพร ลูกน้อยคนนี้มีอายุเพียงสองขวบเศษเท่านั้น ก็จำต้องพบกับโรคร้าย เจ็บไข้เป็นโรคมะเร็งในช่องท้อง
“ค่ำคืนหนึ่งน้องเกิดจับไข้สูงถึง 38-40 องศา ต้องรีบร้อนพาส่งโรงหมอโดยเร่งด่วน หนแรกเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2554 ก่อนหน้านี้มีท่าทีท้องบวม ปวดท้องอย่างสุดๆ อาการท้องผูก และอุจจาระแข็ง นายแพทย์ขอทำการเจาะเลือด เจาะไขสันหลัง เพื่อที่จะค้นหาเนื้อร้ายและนำเลือดไปวิเคราะห์ที่ห้องปฏิบัติการ”
“ผลการตรวจเจอก้อนเนื้องอกในช่องท้องของน้อง มีความยาวประมาณ 8 เซนติเมตร กว้าง 5 เซนติเมตร จำเป็นต้องกรีดท้องเพื่อนำชิ้นเนื้อในท้องไปตรวจหาเพื่อหาคำตอบ ช่วงนั้นหมอก็บอกกับคุณยุพาพร ผู้เป็นแม่ให้เผื่อใจเอาไว้ว่าชิ้นเนื้อที่พาไปพิจารณานั้น อาจจะเป็น เนื้อร้าย 80% สิ้นเสียงคุณหมอเสมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของคนเป็นแม่”
“ฉันทำได้แค่พยักหน้าแล้วอุ้มลูกมาโอบกอดไว้ที่อก ลูกเองก็กอดแม่เอาหน้าซบไหล่ ได้แต่พูดในใจว่าลูกยังเด็กนักเกิดมาได้ 1 ปี 6 เดือน ต้องพรากกันแล้วเหรอ แล้วพูดกับตัวเองว่าน้องยังตายมิได้แม่จะทำการทุกสิ่งเพื่อขอให้ลูกดำรงชีพอยู่ เมื่อถึงที่พักก็ไม่พูดกับใครได้แต่สวดมนต์จนพ่อของน้องโทรมาหาฉัน ดิฉันบอกไปร้องไปจนปวดหัว พ่อน้องบอกให้เช่นใดก็ต้องเยียวยารักษา”
ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการถูกเอามาในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ปรากฏว่าชิ้นเนื้อที่พาไปตรวจหานั้นไม่ใช่เนื้อร้าย แต่ก็จำเป็นต้องรีบทำการรักษาพยาบาลด้วยการให้คีโม
“การฉายแสงหนแรกเมื่อเดือนมกราคม ทำให้เส้นของน้องระเบิด เป็นไข้ และเกล็ดเลือดตกต่ำ แพทย์ทำการตรวจสอบสแกนกระดูก เมื่อกลับพักรักษาตัวที่บ้าน ดิฉันกับสามี ต้องช่วยกันฉีดยาสลายลิ่มเลือดให้ลูกประจำวัน ลูกก็ยังต้องทานยาลดความดันสูงประจำวัน”
“ช่วงที่ทำเคมีบำบัดผิวของน้องเริ่มคล้ำ เล็บมือและเล็บเท้าก็ดำคล้ำ ปากซีดเผือด หน้าเซียว ผมก็คล้ายคลึงกับหญ้าแห้งไหม้ ผิวเหี่ยว เพียงแค่ก้าวเดินก็ไม่มีแรง ทานอาหารได้น้อยลง และเขาจะร้องขี้กลัวคนแปลกหน้า โดยเฉพาะแพทย์และพยาบาล”
ขนาดที่จะอยู่ในระยะเวลาความทุกข์ระทมของญาติพี่น้อง เรื่องที่ดีก็บังเกิดพอให้ใครต่อใครในบ้านมีกำลังใจขึ้นมามั่งไม่มากก็น้อย เมื่อเพื่อนบ้านแนะนำน้ำแอคทิเวท ให้กับน้องได้ลองดูดื่ม
“หลานของคนข้างบ้านคนนี้เป็นโรคSLEและได้เอาน้ำแอคทิเวท (Activated Water)มาดื่มพร้อมด้วยใช้ชำระล้างร่างกาย ผลลัพธ์คือหลานมีสภาพทุเลายิ่งนัก จากเรื่องนี้จึงตกลงใจให้น้องดื่มน้ำแอคทิเวท พร้อมกันไปกับการบำบัด ตั้งแต่ตอนให้คีโมหนแรกตอนกุมภาพันธ์ ปี 54”
“ดิฉันยังให้ลูกดื่มน้ำแอคทิเวท ไปพร้อมด้วยการให้เคมีบำบัดโดยไม่ยอมให้ดื่มน้ำอื่นเลย และถัดจากนั้นทุกครั้ง ที่จะทำการให้เคมีบำบัดก็จะต้องเจาะเลือดทุกคราว ผลเลือดออกมาว่าเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดอยู่ในมาตรฐานเป็นปกติดี ไม่จำเป็นให้ยาเสริมใดๆ เลย ยิ่งกว่านั้นดิฉันยังปลื้มปิติอย่างมากมายเมื่อผลลัพธ์การเอ็กซเรย์ และการสแกนกระดูกเป็นปกติ”
ผลสรุปการเอ็กซเรย์ CT สแกน หรือสมองกลความเร็วสูงครั้งที่ 2ทำภายหลังทีแรก 6 อาทิตย์ คราวนี้ผ่านการทำคีโมครั้งที่ 1 และให้น้องดื่มน้ำดื่มแอคทิเวท ไปแล้ว พบว่าเนื้องอกในท้องถดถอยจากโดยประมาณ 8 ซม. เหลือ 6 ซม.
ผลการเอ็กซเรย์ CT สแกนครั้งที่ 3 หลังจากครั้งที่ 2 12 สัปดาห์ ก้อนเนื้องอกในท้องหดตัวเหลือประมาณ 3 เซนติเมตร
ผลลัพธ์การเอ็กซเรย์ CT สแกนครั้งที่ 4 ภายหลังครั้งที่ 3 16 อาทิตย์ กำลังคอยผลจากแพทย์เพื่อรอการผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกออกให้จบ
“น้องมีผื่นขึ้นใบหน้าคล้ายคลึงกับกลากน้ำนมขึ้นที่แก้ม บางครั้งกินขนมแล้วเปรอะเปื้อนหน้ามีเม็ดขึ้น ฉันก็นำเอาผ้าชุบน้ำแอคทีฟ วันทูโอ มาเช็ดใบหน้าให้เขา ผดผื่นก็ค่อยๆ ยุบตัวลงแม้ไม่ต้องทายา”
“ปัจจุบันน้องสุขภาพอนามัยแข็งแรงไม่เหมือนคนเจ็บ เป็นเด็กสดใส อารมณ์ดี พิสูจน์ได้ว่า ACTIV120 ช่วยเสริมพลานามัยน้องได้"
“ก่อนหน้า บุตรชายคนโตเป็นไข้บ่อย ต้องนำไปหาหมอทุกอาทิตย์ เดี๋ยวนี้ก็ให้ลูกนำน้ำแอคทิเวทไปดื่มที่โรงเรียนด้วยแต่ละวัน ดิฉันมีความสุขมากเพราะเขาไม่เป็นโรคหวัดอีกแล้ว”
ทุกวันนี้บ้านคุณยุพาพรเป็นครอบครัวน้ำแอคทิเวท (Activated Water)เพราะดื่มทั้งครอบครัว
“มีอยู่ครั้งหนึ่งพริกกระเด็นเข้าตาเจ็บแสบมาก ดิฉันใช้วิธีการลืมตาในACTIV120 ผลปรากฎว่าหายแสบสนิท”
“ไม้ต้นหน้าบ้านเหมือนมันใกล้จะตายใบเฉาและเริ่มเหลือง ใช้ACTIV120ไปรด 2-3 ครั้ง เห็นว่าต้นไม้ฟื้นคืนชีพและเขียวสดใสขึ้นมา”
เครดิต : https://activate-water.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น